โดยการรักษาสิวแต่ละประเภท
แบ่งตามความรุนแรงเพราะสัมพันธ์กับการให้ยารักษา

  • สิวอุดตันหัวขาว สิวหัวดำ
  • สิวอุดตัน + สิวอักเสบหัวหนองน้อยกว่า 5 เม็ด
  • สิวอุดตัน + สิวอักเสบหัวหนองมากกว่า 5 เม็ด หรือเป็น สิวหัวช้าง
  • สิวที่สร้างรอยแผลเป็นหลุมหรือนูน รอยดำมากๆ จนขาดความมั่นใจ

การรักษาสิวเป็นการรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการเกิดกลับเป็นซ้ำ ซึ่งจะนำไปสู่รอยแผลเป็นที่รักษาได้ยาก ทางคลินิกจึงมีระบบการรักษาเป็นคอร์สที่จะทำให้เกิดความคุ้มค่าและประสิทธิภาพที่ดีในการรักษาสิว ดังคำที่ว่า การรักษาสิวไม่สามารถหายขาดได้ภายในครั้งเดียว ต้องใช้ความต่อเนื่อง 4-8 สัปดาห์ การรักษาแบบคอร์สรวมการรักษา จึงควบคุมงบประมาณในการรักษาสิวได้

วิธีการรักษาสิวที่ ปรางทิพย์คลินิก

เน้นความคุ้มค่า และมีประสิทธิภาพที่ดี โดยการรวมการ ฉีดสิวอักเสบ กดสิวอุดตัน ทายา การผลัดเซลล์ผิวที่อุดตันรูขุมขน และทานยาอย่างต่อเนื่อง เป็นพื้นฐาน แต่สามารถเลือกนวัตกรรมอื่นๆ เช่น

  • การรักษาด้วยคลื่นวิทยุ monopolar RF ที่ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันลง 
  • การรักษาสิวด้วยแสง LED ช่วยลดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว
  • การรักษาด้วยเลเซอร์ IPL หรือ Pico เลเซอร์ ช่วยลดรอยดำ แดง จากสิว

แม้ว่าเราจะสามารถปรับการรับประทานอาหารและการใช้เวชสำอางค์ที่ดีเพื่อช่วยลดการเกิดสิวได้ แต่การดูแลผิวอย่างครบวงจรจำเป็นต้องได้รับการดูแลทั้งจากภายนอกและภายใน 

การทำทรีทเมนต์ผิวหน้า เพื่อกำจัดสิวและฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายจากสิวและการอักเสบ

การใช้เลเซอร์ เพื่อลดรอยแดงและรอยแผลเป็นจากสิว พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อให้ผิวเรียบเนียน

การ Peeling ด้วย Miami Peel เป็นเทคนิคการผลัดเซลล์ผิวที่ล้ำสมัย ช่วยลดการเกิดสิว รอยแดง รอยดำ และปรับผิวให้เรียบเนียน ขาวกระจ่างใส โดยการ Peeling นี้จะช่วยกำจัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพและเผยผิวใหม่ที่สดใสกว่าเดิม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวอย่างเข้มข้นและเห็นผลอย่างรวดเร็ว

การปรึกษาโดยแพทย์ ที่จะช่วยวางแผนการดูแลสุขภาพผิวให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคน

โปรโมชั่นรักษาสิวที่ ปรางทิพย์ คลินิก

 

หัตถการที่ทางคลินิกแนะนำทำควบคู่ กับการทายา
หรือการรับประทานยาเป็นประจำเพื่อรักษาสิว 

– 15% salicylic acid + 15% lactic acid ทำหน้าที่เป็น น้ำยาลอกผิวระดับตื้น ช่วยลดการอุดตันจากขี้ไคลในท่อรูขุมขน

– IPL ช่วยลดรอยแดง และการอักเสบ ของสิว สำหรับเคสคนผิวแพ้ง่าย ผิวขาว

– LED แสงสีแดงช่วยฆ่าเชื้อสิว ลงลึกถึงต่อมไขมัน ในเคสคนผิวแพ้ง่าย

– นวัตกรรมใหม่ ใช้คลื่น monopolar RF ทั้งแบบหัว GRID และหัวเข็ม ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน ช่วยลดสิวในเคสคนผิวมัน

– ทรีทเม้นต์โปรเฟเชี่ยล ทำความสะอาดผิว เพื่อลดสิ่งอุดตันรูขุมขน ตัวน้ำยาช่วยลดความระคายเคืองแตกต่างจากการกรอผิวทั่วไป สามารถทำคู่กับการทำเลเซอร์เป็นการเปิดผิวเพื่อรับแสงที่ดีขึ้น

หัตถการลดรอยสิว

  • Picosecond Laser ช่วยเรื่องรอยหลุมสิว กับรอยดำสิว รูขุมขน
  • Long pulse Laser ช่วยเรื่องรอยแดงสิว สิวเสี้ยน สิวที่สัมพันธ์กับรูขุมขนอักเสบ
  • CO2 Laser ช่วยเรื่องสิวข้าวสาร ต่อมไขมัน ติ่งเนื้อ

รีวิวผลลัพธ์จากผู้ใช้บริการจริง

ใช้เป็นตัวอย่างผลการรักษาสำหรับคนไข้เฉพาะราย
ผลการรักษาแตกต่างกันไปแต่ละบุคคล
รูปได้รับความยินยอมจากจากคนไข้

 

 

 

 


Q&A คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับการรักษาสิว

 

1.อาหารที่ส่งผลต่อสุขภาพผิวและสิว

อาหารที่เรารับประทานในแต่ละวันไม่เพียงแค่มีผลต่อร่างกาย แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อผิวพรรณ โดยเฉพาะการเกิดสิว หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญคือ **ค่า Glycemic Index (GI)** ของอาหาร ซึ่งเป็นตัววัดว่าอาหารแต่ละชนิดทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน

– **อาหารที่มีค่า GI ต่ำ** เช่น ผักและธัญพืชชนิดไม่ขัดสี (เช่น ข้าวกล้อง) จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้สิวลดลง เนื่องจากระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการเกิดสิว เช่น **Insulin-like Growth Factor 1 (IGF-1)** และ **DHT (Dihydrotestosterone)** ไม่เพิ่มสูงขึ้น
– ในทางกลับกัน **อาหารที่มีค่า GI สูง** เช่น ขนมปังขาว ข้าวขัดสี ขนมหวาน มันฝรั่งทอด และคุกกี้ จะทำให้ระดับฮอร์โมน IGF-1 และฮอร์โมนเพศชายเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้มีโอกาสเกิดสิวได้ง่ายขึ้น

**นม** ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว เนื่องจากในนมมีสารที่ช่วยเพิ่มการสร้างฮอร์โมน IGF-1 และ DHT ทำให้เกิดการผลิตน้ำมันในผิวหนังมากขึ้นและเกิดสิวอุดตันได้ง่าย

นอกจากนี้ การบริโภคอาหารที่มีกรดไขมันไม่สมดุลก็มีส่วนสำคัญ โดยเฉพาะ **กรดไขมันโอเมก้า-6** ซึ่งมักพบในอาหารตะวันตก เช่น น้ำมันพืชที่ใช้ในอาหารทอด การบริโภคโอเมก้า-6 มากเกินไปจะเพิ่มการอักเสบในร่างกาย และทำให้สิวแย่ลง ในขณะที่ **กรดไขมันโอเมก้า-3** ซึ่งพบในปลาทะเลและเมล็ดแฟล็กซ์ สามารถลดการอักเสบและช่วยลดการเกิดสิวได้

**สังกะสี (Zinc)** เป็นอีกหนึ่งสารอาหารสำคัญที่ช่วยรักษาสิว เนื่องจากมีฤทธิ์ต่อต้านแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว รวมถึงช่วยลดการอักเสบของผิว ผู้ที่มีระดับสังกะสีต่ำมักจะมีแนวโน้มเป็นสิวมากกว่า และการเสริมสังกะสีจะช่วยบรรเทาอาการสิวได้

การดูแลผิวที่ดีไม่ได้มีแค่การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวภายนอกเท่านั้น แต่อาหารที่รับประทานทุกวันมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพผิวเช่นกัน หากเราเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพและสมดุล ก็จะช่วยลดปัญหาสิวและทำให้ผิวสวยขึ้นได้อย่างยั่งยืน

2.สิวเกิดจากความสกปรกหรือไม่

“**สิวไม่ได้เกิดจากความสกปรกบนใบหน้าโดยตรง** สิวเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การอุดตันของรูขุมขนจากน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว, ฮอร์โมนที่ไม่สมดุล, การเจริญเติบโตของแบคทีเรียบนผิว, และการอักเสบในผิวหนัง ส่วนเรื่องความสกปรก การล้างหน้าสะอาดช่วยลดการอุดตันและการสะสมของสิ่งสกปรก แต่การล้างหน้าบ่อยเกินไปหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมก็อาจทำให้ผิวระคายเคืองและสิวแย่ลงได้ ดังนั้น การดูแลผิวให้สะอาดเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันสิว แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักของการเกิดสิว”

สิ่งสำคัญคือการดูแลสุขภาพผิวแบบองค์รวม ทั้งการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและการดูแลสุขภาพร่างกายให้สมดุล

3.กดสิวเอง เป็นอันตรายหรือไม่


“**การกดสิวเองที่บ้านอาจทำให้เกิดปัญหาและส่งผลเสียกับผิว** การกดสิวที่ไม่ถูกวิธีสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อ แผลเป็น หรือรอยดำถาวรได้ เนื่องจากสิ่งสกปรกหรือแบคทีเรียจากมืออาจเข้าสู่ผิวและทำให้การอักเสบแย่ลง นอกจากนี้ การกดสิวอาจทำให้สิวที่อยู่ลึกในผิวหนังยิ่งฝังลึกลงไป ทำให้รักษายากขึ้น

หากต้องการกดสิว แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาสิวที่คลินิก ซึ่งจะมีเครื่องมือและเทคนิคที่ปลอดภัย เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดรอยแผลเป็นและปัญหาผิวอื่นๆ”

การดูแลสิวอย่างถูกต้องสำคัญมาก เพื่อป้องกันผลกระทบระยะยาวต่อผิว

4.เลเซอร์หรือการทำทรีทเม้นต์จะช่วยทำให้สิวหายถาวรหรือไม่


“**เลเซอร์และการทำทรีทเมนต์สามารถช่วยลดสิวและปรับปรุงสภาพผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่สามารถทำให้สิวหายถาวรได้** เนื่องจากสิวเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ฮอร์โมน, พันธุกรรม, สภาพแวดล้อม และการใช้ชีวิต การรักษาด้วยเลเซอร์หรือทรีทเมนต์จะช่วยลดการอักเสบ, ควบคุมการผลิตน้ำมัน, และลดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว รวมถึงสามารถลดรอยแผลเป็นจากสิวได้ แต่สิวอาจกลับมาเกิดใหม่ได้หากปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดสิวยังคงอยู่

เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การรักษาด้วยเลเซอร์หรือทรีทเมนต์ควรทำควบคู่กับการดูแลผิวประจำวัน, การปรับพฤติกรรม และการใช้ยาที่แพทย์แนะนำ ซึ่งจะช่วยควบคุมปัญหาสิวได้ในระยะยาว”

5.เครื่องสำอางค์ สภาพอากาศ ผลจากปัจจัยภายนอก มีผลกับสิวหรือไม่


### ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิวจากเครื่องสำอางและสิวเขตร้อน

**สิวจากเครื่องสำอาง**
สิวที่เกิดจากเครื่องสำอางมักเกิดจากน้ำมันในครีมทาหน้าที่ใช้ ซึ่งพบได้บ่อยในวัย 25-35 ปี และอาจรวมถึงภาวะที่เรียกว่า Acne Detergen ซึ่งเกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม Comedogenic ในอดีต นอกจากนี้ การเกิดสิวนี้ยังมีสาเหตุมาจากคุณสมบัติ Comedogenic ของสบู่มากกว่าการล้างหน้าบ่อยๆ

**สิวเขตร้อน (Tropical Acne)**


ลักษณะของสิวชนิดนี้จะเป็นถุงไขมันขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นบนหน้าอก หลัง และก้น โดยเฉพาะในคนผิวขาวที่อาศัยอยู่ในเขตร้อน แม้ว่าจะมีทฤษฎีว่าเมื่อกลับไปสู่สภาพอากาศที่เย็นกว่าสิวน่าจะหายไป แต่ความจริงคือสิวชนิดนี้มักไม่หายตามที่คาดหวัง

**Acne Estivalis**
พบได้ในคนผิวขาวที่กลับบ้านหลังจากพักร้อนในเขตร้อน สาเหตุอาจมาจากการใช้ครีมกันแดดที่มีน้ำมัน ลักษณะของสิวนี้จะเป็นตุ่มแดงเล็กๆ ที่อาจผสมกับสิวที่ไม่อักเสบ หรืออาจเกิดจาก Oil Folliculitis

**Maskne**
อุบัติการการเกิดสิวใต้แมส คือตัวอย่างสิวที่เกิดจากการขัดถูบริเวณนั้นๆ ร่วมกับเคื่องสำอางค์และความร้อนที่เกิดขึ้นภายใต้แมสได้เป็นอย่างดี

### สรุป
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้เกิดสิวและการดูแลผิวให้เหมาะสมกับสภาพอากาศจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดสิวที่ไม่พึงประสงค์ ทั้งนี้หากคุณพบปัญหาสิวที่รบกวน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อการรักษาที่เหมาะสม